DXG เชี่ยวชาญด้าน High-precision Optical Analysis Systems
หรือระบบวิเคราะห์ทางแสงความแม่นยำสูงสำหรับงานวิจัยและอุตสาหกรรมรวมถึงเครื่องวิเคราะห์ ก๊าสไอเสียจากโรงงานที่ใช้พืชเป็น ฐาน และระบบตรวจวัดการปล่อยมลพิษอย่างต่อเนื่องหรือ CEMs
DXG ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 DXG ได้ก้าวกระโดดครั้งสำคัญในปี 1998 ด้วยการสร้างอุปกรณ์เชิงสเปกโทรสโกปีความแม่นยำสูงภายในประเทศ โดยอาศัยประสบการณ์หลายปีในการพัฒนาและผลิตเครื่องมือทางแสง DXG ประสบความสำเร็จในการนำเสนอเครื่องวิเคราะห์ก๊าซไอเสียที่ผลิตในประเทศเป็นรายแรกของเกาหลีใต้ ในฐานะบริษัทที่มีชื่อเสียง DXG เชี่ยวชาญในการออกแบบและผลิตเครื่องวิเคราะห์ก๊าซและระบบตรวจสอบสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงโรงไฟฟ้า เตาเผาขยะ โรงงานปิโตรเคมี และเรือเดินสมุทร ความโดดเด่นนี้ทำให้ DXG มีตำแหน่งมั่นคงในฐานะผู้ผลิตชั้นนำด้านเครื่องวิเคราะห์ก๊าซไอเสีย ซึ่งเป็นตัวแทนของเกาหลีใต้บนเวทีระดับนานาชาติอย่างภาคภูมิ
DXG ได้รับการรับรองจากหลายสถาบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก US EPA ซึ่งเป็นมาตรฐานหลักที่หน่วยงานไทยใช้รับรองระบบ CEMs ในปัจจุบัน
Continuous Emission Monitoring Systems (CEMs) คือ
ระบบตรวจวัดการปล่อยมลพิษอย่างต่อเนื่อง หรือที่เรียกว่า CEMS เป็นเทคโนโลยีสำคัญในการติดตามและควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดอุตสาหกรรม ระบบนี้ทำงานโดยการวัดและบันทึกปริมาณสารมลพิษที่ปล่อยออกมาแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถตรวจสอบการปล่อยมลพิษได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ
CEMS มักใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า และเตาเผาขยะ โดยตรวจวัดสารมลพิษหลักเช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ออกไซด์ของไนโตรเจน คาร์บอนมอนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ และอนุภาคฝุ่น ระบบนี้ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ทางแสงและเทคนิคทางเคมีไฟฟ้า เพื่อให้ได้ผลการวัดที่แม่นยำ ข้อมูลที่ได้จาก CEMS มีประโยชน์หลายด้าน ช่วยให้โรงงานสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ข้อมูลยังใช้สำหรับการรายงานต่อหน่วยงานกำกับดูแล อย่าง POMs ได้อีกด้วย
ระบบ CEMS เป็นส่วนสำคัญของกฎหมายควบคุมมลภาวะทางอากาศในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ระบบนี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งเครื่องมือวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติที่ปล่องระบายอากาศ เพื่อตรวจวัดมลพิษอย่างต่อเนื่อง ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องกำหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรืออุปกรณ์พิเศษ เพื่อรายงานมลพิษอากาศจากปล่องโรงงาน พ.ศ. 2565 ได้กำหนดประเภทโรงงานที่ต้องติดตั้งระบบ CEMS โดยแบ่งเป็น 13 กลุ่มตามหน่วยผลิตและขนาด ทั้งนี้ ค่าที่ต้องตรวจสอบอาจแตกต่างกันไปตามประเภทโรงงาน เชื้อเพลิงที่ใช้ และลักษณะมลพิษที่อาจเกิดขึ้น
พารามิเตอร์(ประกาศใหม่พ.ศ. 2565)
- ความทึบแสง (opacity)
- ฝุ่นละออง (Particulate)
- ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulfur dioxide: SO2)
- ออกไซด์ของไนโตรเจน (Oxides of Nitrogen : NOx) ในรูปไนโตรเจนไดร์ออกไซด์
- คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide : CO)
- ออกซิเจน (Oxygen: O2)
- Total Reduced Sulfur (TRS)
- อุณหภูมิภายในปล่อง
- ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S)
- ปรอท (Hg)
- ไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCl)
- อัตราการไหลภายในปล่อง (Flow Rate)
โดยตามกฎหมายจะต้องมีการตรวจวัด และรายงานผล Real time ไปยัง POMs หรือ Pollution Online Monitoring System ระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษระยะไกล ซึ่งเป็น website ที่ แสดงผล มลพิษทางน้ำและอากาศที่ เกิดจากภายในโรงงาน ในสถานะแบบ ออนไลน์ และบุคคลภายนอกก็สามารถเข้าดูได้ ว่าโรงงานนั้นๆ ในพื้นที่มีการปล่อยมลพิษเป็นอย่างไร
ระบบ CEMS แบ่งเป็นสองประเภทหลัก คือ Extractive และ In-situ ซึ่งมีรายละเอียดและความแตกต่างดังนี้:
1. Extractive CEMS:
หลักการทำงาน: ดึงตัวอย่างก๊าซจากปล่องมาวิเคราะห์ในเครื่องมือที่ติดตั้งภายนอก
องค์ประกอบหลัก: ท่อเก็บตัวอย่าง, ระบบปรับสภาพก๊าซ, เครื่องวิเคราะห์ก๊าซ
องค์ประกอบหลัก:
- ท่อเก็บตัวอย่าง, ระบบปรับสภาพก๊าซ, เครื่องวิเคราะห์ก๊าซ
- ข้อดี: สามารถวัดหลายพารามิเตอร์พร้อมกันม สามรถใช้เครื่องวิเคราะห์ร่วมกันได้มากกว่า 1 ปล่อง (Sharing) เครื่องมืออยู่ในที่ควบคุมอุณภูมิและความชื้น ทำให้เครื่องมือมีอายุการใช้งานนาน ง่ายต่อการบำรุงรักษาและสอบเทียบ
- ข้อจำกัด: อาจมีความล่าช้าในการรายงานผลขึ้นอยู่กับความยาวของท่อส่งตัวอย่าง, การวิเคราะห์ก๊าซตัวอย่างต้องถูดปรับสภาพก่อนเข้าเครื่องวิเคราะห์
2. In-situ CEMS:
หลักการทำงาน: วัดมลพิษโดยตรงภายในปล่อง
เทคโนโลยีหลัก: ใช้เทคนิคทางแสง เช่น การดูดกลืนแสง หรือการกระเจิงแสง
ข้อดี: ให้ผลการวัดแบบเรียลไทม์, ไม่ต้องมีระบบจัดการตัวอย่างก๊าซ
ข้อจำกัด: อาจมีข้อจำกัดในการวัดบางพารามิเตอร์ หากเกิดการเสียหายของอุปกรณ์ ซ่อมแซมค่อนข้างยาก ใช้ได้แค่เฉพาะปล่องเดียว
การเลือกใช้ระบบใดขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะของโรงงาน, ประเภทของมลพิษที่ต้องตรวจวัด
โดย DXG จะมีตาราง Analyzer by component ซึ่งแต่ละ Model จะสามารถวัด Parameter ได้แตกต่างกัน การจะเลือกว่าควรใช้ Model ไหนนั้น จะขึ้นอยู่กับ Parameter ที่ทางโรงงานจำเป็นต้องตรวจวัด
Analyzer by component
1. Extractive Monitoring Type
ก๊าซถูกดึงออกมาจากจุดที่เราเลือกไว้ แล้วส่งผ่านท่อ heated sample line ไปยังเครื่องเตรียมก๊าซ เครื่องนี้ทำหน้าที่กำจัดความชื้นและฝุ่นละอองออกจากก๊าซ เพื่อให้ก๊าซได้รับการปรับให้ตรงตามเกณฑ์ที่เครื่องวัดต้องการเพื่อที่จะวัดได้อย่างแม่นยำ วิธีการนี้ช่วยให้สามารถเข้าถึงเครื่องวิเคราะห์ได้ง่ายในสถานที่ติดตั้งที่ท้าทาย การติดตั้งอุปกรณ์ในตำแหน่งที่สะดวกช่วยให้สามารถวัดก๊าซด้วยวิธีทางแสงผ่านการเตรียมสภาพก่อน การติดตั้งอุปกรณ์ในตำแหน่งที่สะดวกช่วยให้สามารถวัดก๊าซด้วยวิธีทางแสงผ่านการเตรียมสภาพก่อน วิธีการนี้สามารถมีการกำหนดค่าที่แตกต่างกันไปตามวิธีการจัดการตัวอย่างที่ต้องการ
EXTRACTIVE TYPE SYSTEM
1. 19-inch Rack Configuration for CEMS
2. DSM-X Extractive
UV Absorption / NDIR / Zirconia
NOx, SO₂, CO, CO₂, O₂
*รายละเอียดของสินค้าเพิ่มเติมท่านสามารถดาวโหลด Brochure ด้านล่าง
2. IN-SITU MONITORING TYPE
วิธี In-situ คือการสอดหัววัดพิเศษเข้าไปในปล่องหรือท่อที่มีก๊าซไหลผ่าน หัววัดนี้สามารถวัดความเข้มข้นของก๊าซภายในปล่องหรือท่อได้ทันที ข้อดีที่สำคัญของวิธีนี้คือมันตอบสนองเร็ว ทำให้วัดได้รวดเร็วและแม่นยำ นอกจากนี้ การติดตั้งและการใช้งานก็ง่าย ทำให้สะดวกมากขึ้น เพราะไม่ต้องมีขั้นตอน pre-conditioning เพิ่มเติม The In-situ method entails inserting a specialized probe into a chimney or duct through which gas is flowing. This probe enables the instantaneous measurement of gas concentrations within the internal space of the chimney or duct. One significant advantage of this approach is its rapid response time, enabling quick and precise measurements. Moreover, its streamlined installation and operational ease further enhance its practicality, as it negates the requirement for additional pre-conditioning process.
IN-SITU TYPE SYSTEM
1. DGA-X In-Situ
UV Absorption
NOX, SO2, NH3
*รายละเอียดของสินค้า Model เพิ่มเติมท่านสามารถดาวโหลด Brochure ด้านล่าง
